|
NFS
NFS (
Network File System ) เป็นระบบไฟล์ที่เชื่อมโยงดิสก์
หรือทรัพยากรบนเครื่องที่อยู่ห่างออกไป
ให้เป็นเสมือนระบบไฟล์บนเครื่องท้องถิ่น ซึ่งปัจจุบัน NFS ได้มีออกมา 3
เวอร์ชั่น โดยเวอร์ชั่น 3 เป็นแบบที่อาศัย RPC ( Remote Procedure Call )
โดยถูกอธิบายเป็นโปรโตคอลที่ไม่มีสถานะ ( Stateless Protcol )
หรือหมายถึงเป็นโปรโตคอลที่ทำงานแบบถามา-ตอบไป
เมื่อได้มีการส่งหรือรับคำตอบกลับไปแล้วก็เสมือนจบการติดต่อไปเลย
คือไม่ต้องมีการรอคอยดำเนินการใดๆ จากอีกด้านหนึ่งต่อไป
WebNFSเป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นโดยบริษัท Sun
Microsystem ซึ่งจะเรียกโดยรวม NFS เวอร์ชั่นใดก็ได้ ( 1,2 หรือ )
มาปรับใช้บนเว็บ ก่อนจะเป็น NFS เวอร์ชั่น 3 นั้น การขนส่งข้อมูลอาศัย UDP
ส่งครั้งละ 4096 หรือ 8192 ไบต์แล้วแต่ระบบ แต่เมื่อมาเป็นเวอร์ชั่น 3
แล้วจึงได้นำ TCP มาใช้แทน โดยธรรมชาติของ NFS
ไม่สามารถทำงานได้ดีบนเครือข่ายที่มีแบนธ์วิธต่ำและล่าช้าอย่างเช่น
เครือข่ายแบบ Dial-up เป็นต้น สาเหตุหนึ่งก็คือ NFS ต้องทำ RPC Call
ไปยังบริการ Port Mapper เพื่อขอรับเลขหมายพอร์ตบน NFS Server
ให้กับไคลเอนต์ใช้ส่งคำขอบริการ ในจุดนี้ WebNFS จะมีความแตกต่างจาก NFS
ตรงที่ ไคลเอนต์ของ WebNFS
จะถือว่าเซิร์ฟเวอร์รอคอยการติดต่ออยู่ที่พอร์ตหมายเลข 2049 เสมอ ข้อเสียของ
NFS อีกอย่างก็คือ มี Overhead เข้ามาเกี่ยวข้องกับ RPC Call ในการที่จะ
Mount ระบบไฟล์ และขอรับสิทธิการจัดการไฟล์ ซึ่งปัญหานี้ใน WebNFS
ได้มีการแก้ไขโดยจัดให้มี handle ที่มีความยาวเป็น 0 ข้อเสียข้อที่ 3 ของ NFS
คือ ไคลเอนต์ต้องประเมินชื่อพาธทีละส่วนโดยมีสาเหตุจากกรณีที่ไคลเอนต์พยายามพิมพ์ไฟล์ที่ชื่อ /folder1/folder2/myfile.txt
ซึ่งการทำงานของ NFS จะต้องเริ่มจากให้ handle สำหรับ folder1 ตามด้วย handle
สำหรับ folder2 และสุดท้าย handle สำหรับไฟล์ myfile.txt ในทางกลับกัน WebNFS
อนุญาตให้ไคลเอนต์สามารถดำเนินงานกับทั้งพาธได้ในคราวเดียว
นั่นคือจากตัวอย่างเดียวกัน WebNFS สามารถมี handle สำหรับไฟล์ myfile.txt
ได้ในคราวเดียว
WebNFS
ยังมีข้อได้เปรียบบางอย่างที่เหนือกว่า FTP และ HTTP
นั้นคือสามารถเปิดและเริ่มทำสำเนาไฟล์ได้ใหม่โดยเริ่มจากจุดที่รู้ว่าเป็นจุดที่ได้ดำเนินงานไปก่อนที่การเชื่อมต่อจะถูกตัดขาด
นอกจากนี้ความสามารถปรับสภาพเข้ากับขนาดของงานใน WebNFS Server
ทำงานได้ดีกว่า การให้บริการกับไคลเอนต์จึงทำได้รวดเร็วกว่า FTP Server และ
HTTP Server มากนัก
ก่อนหน้าที่จะมีความสามารถอ่านข้อมูลเป็นช่วงไบต์มาใช้งานได้กับ HTTP
ถือได้ว่า WebNFS มีความได้เปรียบมากกว่า
เนื่องจากสามารถอ่านข้อมูลเป็นบางส่วนของไฟล์ได้
แทนที่จะต้องอ่านเนื้อหาในไฟล์ทั้งหมด บริษัท Sun Microsystems ได้อ้างว่า
WebNFS นั้นมีสัดส่วนความเร็วที่ดีกว่า HTTP และ FTP โดยกล่าวว่าความเร็วของ
WebNFS ดีกว่า HTTP ถึง 3:1 อย่างไรก็ตามเมื่อนำไปใช้งานจริงพบว่า WebNFS
เหมาะที่จะใช้เป็นระบบเสริมให้กับ FTP และ HTTP มากกว่าที่จะนำมาแทนที่
|